นักวิจัยไทยขั้นเทพ จาก วช ประสบความสำเร็จในการพัฒนาองุ่นไซน์มัสแค้ทเชิงพาณิชย์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย นำทีมถ่ายทอดวิทยายุทธอบรมแก่เกษตรกร อย่่างครบวงจร ฟรี หวังเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เพิ่มมูลค่าให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก

                ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหลังเก็บเกี่ยวและแปรรูปผลไม้ วช จับมือ สถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว ม.นเรศวร อบรมการผลิต องุ่นไชน์มัสแค้ทเชิงพาณิชย์ โดยมี รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท นำทีมบรรยายเรื่อง การผลิตองุ่น ไซน์มัสแค้ทภาคเหนือตอนล่าง พร้อมด้วย ดร.ชินพันธ์ ธนารุจ จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ บรรยายเรื่อง การผลิตองุ่นไซน์มัสแค้ทเชิงการค้า การผลิตแบบประณีต รศ.ดร.อำไพวรรณภราดร์นุวัฒน์ บรรยายเรื่อง โรคและการป้ิองกันกำจัดขององุ่น คุณวรเชษฐ์ ขัติยะ บรรยายเรื่องการปลูกองุ่นมืออาชีพจากประสบการณ์โดยตรง และผศ.ดร.สุขสวัสดิ์ พลพินิจ บรรยายเรื่องการป้องกันกำจัดแมลงในองุ่น ปิดท้ายด้วยการลงพื้นที่ศึกษาดูงานแปลงปลูกไซมัสแคท เมื่อวันที่ 15 มิย ที่ห้องประชุม คณะวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรโดยได้รับความสนใจจากเกษตรกรรุ่นใหม่เข้าร่วมอบรมทั้งทางออนไซต์และออนไลน์ ประมาณ 200 คน

               รศ.ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาท ผอ ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว และแปรรูปผลไม้ วช. เปิดเผยว่า องุ่นไซน์มัสแค้ทถูกปรับปรุงพันธุ์ตั้งแต่ปี 2531 ที่ญี่ปุ่น ขึ้นทะเบียนพันธุ์ในปี2549 มีลักษณะเด่น ผลกลม ขนาดใหญ่ ผิวสีเขียวอ่อนสวยงาม เนื้อแน่นไม่แตกง่าย กรอบหวาน อร่อย ไม่ฝาด ทนร้อนหนาวได้ดีที่สำคัญรสหวานละมุนลิ้น ปราศจากเมล็ด กลายเป็นองุ่นยอดนิยมราคาแพงตกกิโลกรัมละ 2,000-5,000 บาท จนมีคำเปรียบเปรยว่า คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อ นิยมมอบเป็นของขวัญล้ำค่า

              ทั้งนี้ วช.ได้ให้ทุนสนับสนุนโครงการพัฒนาไซน์มัสแค้ทตั้งแต่ปี 2562 เริ่มจากการนำคณะเดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อนำเทคนิคการปลูกองุ่นไซน์มัสแค้ทมาดำเนินการในประเทศไทย โดยทีมงานได้ศึกษาขั้นตอนการปลูก การดูแลบำรุงรักษาจากประเทศเจ้าของสายพันธุ์มาประยุกต์ใช้กับประเทศไทย จนกระทั่งได้สูตรสำเร็จตอบโจทย์ทั้งในเรื่องของสี ลักษณะผล สามารถได้องุ่นไชน์มัสแค้ทไร้เมล็ด ทดลองปลูกที่พิษณุโลก เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และตาก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจและดีกว่าการผลิตในญี่ปุ่นซึ่งมีผลผลิตปีละครั้ง ขณะที่ประเทศไทยสามารถให้ผลผลิตปีละ 2 ครั้ง จนเป็นกรณีศึกษาทำให้ปัจจุบันญี่ปุ่นมีกฏหมายเข้มข้นห้ามนำพันธุ์พืชออกนอกประเทศ เพราะได้รับบทเรียนจากการที่ประเทศไทยสามารถนำไชน์มัสแค้ทจากญี่ปุ่นมาปลูกได้ผลดี

              รศ.ดร. พีระศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันจากการทดลองปลูกไซน์มัสแค้ทได้ในหลายพื้นที่ทำให้ทราบปัญหาและมีองค์ความรู้จนมีการจัดอบรมฟรีถ่ายทอดความรู้ในการผลิตไซน์มัสแค้ทเชิงพาณิชย์ให้แก่ผู้สนใจ โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก วช .

              “ ข้อดีคือ ไซมัสแค้ท ให้ผลผลิตเร็ว ใช้เวลาเพียง 8 เดือน ปลูกได้ทุกภาคของประเทศ แต่จะยากหน่อยในภาคใต้ ขณะนี้มีผู้สนใจปลูกกันแพร่หลายแต่ราคายังแตกต่างกัน ทีีเชียงใหม่ขายกิโลกรัมละ1200 บาท ที่ลำปางกิโลกรัมละ500 บาท และจะต้องพัฒนาในเรื่องของ ขนาด ความกรอบ กลิ่นและรสชาติต่อไป ขอแนะนำว่าพื้นที่เพาะปลูกสำหรับเกษตรกรไม่เกิน 1 งานต่อคน จะได้ผลผลิตตอบแทนปีละ3 แสนบาท เพียงพอต่อการดูแล ได้ง่าย  ทั่วประเทศปลูกไม่เกิน 5,000 ไร่ เพราะเป็นผลไม้ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งในอนาคตข้างหน้าการนำผลไม้พันธุ์ใหม่เข้ามาจากต่างประเทศจะยากขึ้น เช่น ญี่ปุ่นและไต้หวันออกกฎหมายเข้มงวดการนำเข้าออกพืชพันธ์มากขึ้น สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ หันมาทำวิจัยพัฒนาผลไม้ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องให้มากขึ้นโดยมีการสนับสนุนทุนวิจัย ระยะ5ปี “

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back To Top